วันเสาร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

backpack มากรุงเทพฯ โปรแกรมที่ 2 ไหว้เทพเจ้าแห่งราชประสงค์

backpack จากเวียงจันทน์มากรุงเทพฯ โปรแกรมที่ 2 ไหว้เทพเจ้าแห่งราชประสงค์
ค่าใช้จ่าย 490 บาท
ก่อนอื่นขอเล่าความเป็นมาก่อนน่ะครับ...
.............แยกราชประสงค์ เป็นแยกใจกลางกรุงเทพฯ เป็นจุดตัดระหว่างถนนราชดำริ กับถนนเพลินจิต ในอดีตแยกแห่งนี้มีคลองตัดกันมาก่อน ใช้เป็นสัญจรไปมาตั้งแต่อดีต ซึ่งในสมัยนั้นยังคงเป็นป่าที่รกมาก โดยมีพื้นที่มุมหนึ่งเป็นวังเพชรบูรณ์ของรัชกาลที่ 4 ที่พระองค์ใช้พื้นที่วังแห่งนี้ในการปฏิบัติธรรม ทำให้คนทั่วไปเชื่อว่า พื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ เจ้าที่แรงมาก 
ซึ่งเมื่อกาลเวลาผ่านไปมุมอีกด้านหนึ่งกลายเป็นที่ตั้งของโรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีศพคนตายเข้า-ออกเป็นจำนวนมาก ซึ่งเปรียบดั่งประตูผี ยิ่งทำให้คนเชื่อว่าพื่นที่ตรงนี้เจ้าที่แรงมากขึ้นไปอีก  แม้แต่ในผู้เชี่ยวชาญทางด้านฮวงจุ้ย ยังบอกเลยว่า พื้นที่แห่งนี้ถูกสาปห้ามผู้ใดเข้ามาใช้สถานที่นี้เด็ดขาด ไม่เช่นนั้นอาจถึงตาย
เมื่อครั้งรัฐบาลในสมัยหนึ่ง มีแนวคิดจะสร้างโรงแรมเพื่อรองรับการประชุมขนาดใหญ่ จึงได้เลือกสร้างบริเวณอีกหัวมุมหนึ่งของแยก โดยใช้ชื่อว่า โรงแรมเอราวัณ แต่ก็ประสบปัญหาตั้งแต่ก่อสร้าง คนงานตาย สร้างเสร็จก็มีเหตุการณ์ร้ายๆเข้ามาเรื่อยๆ จึงได้มีการปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญหลายท่านในวิธีการแก้ไขพื้นที่ที่ถูกสาป ข้อสรุปที่ได้ก็คือ การสร้างสิ่งศักดิ์สิทธิ์ มาประทับที่นั่น จึงได้มีการเลือก ท้าวมหาพรหม ที่เป็นเทพที่ใหญ่ที่สุด พอสร้างขึ้นมาโรงแรมเอราวัณก็เจริญรุ่งเรืองขึ้นเรื่อยๆ  ทำเลสี่แยกแห่งนี้จึงเป็นพื้นที่ ที่เนื้อหอมขึ้นมาทันที 
ไม่นานนักก็มีอาคารต่างๆค่อยๆตามมา หนึ่งในนั้นคือ ห้างไดมารู แต่สร้างมาไม่นานก็แจ๊ง ทำให้ตอนหลังมีการก่อสร้างใหม่ในพื้นที่เดิม ใช้ชื่อว่า ห้างเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ ขึ้นมา เมื่อตอนสร้างเสร็จ คืนหนึ่งนั้นเองเจ้าของห้างก็ได้ฝันว่า เคยมีพระตรีมูรติประทับตรงที่ตั้งของห้าง อันสืบเนื่องมาจากพื้นที่ตรงนี้เคยเป็นวังมาก่อน ซึ่งรัชกาลที่ 4 ทรงอัญเชิญพระตรีมูรติ มาประดิษฐานที่วัง ซึ่งพระตรีมูรติองค์นี้เองเป็นองค์สร้างมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระเนศวร ซึ่งพระนเรศวรทรงสร้างขึ้นเพื่อปราบวิญญาณร้ายจากการรบกับพม่าในสมัยนั้น เมื่อเวลาผ่านไป พระตรีมูรติองค์นี้ก็เปลี่ยนมือไปหลายท่าน ไม่นานนักพอเจ้าของห้างสืบทราบได้ว่าใครเป็นเจ้าของในปัจจุบันจึงทำการได้เช่ากลับมา แล้วสร้างศาลตั้งไว้ที่หน้าห้าง แต่ด้วยอำนาจบารมีอาจไม่สู้กับพระพรหมที่หันพระพักตร์ไปทั้งสี่ทิศ จึงได้มีการสร้าง ศาลพระพิฆเนศวร เพิ่มเติม 
ต่อมาไม่นานอีก ก็เกิดเรื่องไม่ดีภายในโรงพยาบาลตำรวจ จึงมีคนทักว่าให้ตั้งพระวิษณุกรรมขึ้น ไม่นานเหตุการณ์ก็ดีขึ้น พอมาสร้างห้าเกษรพลาซ่าในอีกมุมหนึ่งของสี่แยก ก็มีเรื่องเกิดขึ้นอีก จึงมีการสร้าง ศาลพระนางลักษมี เพื่อจะได้เข้ากับ พระพรหม ต่อมาไม่นานก็เกิดไฟไหม้โรงแรมอินเตอร์คอนฯ(ตั้งอยู่ติดกับห้างเกษรพลาซ่า) จึงได้สร้าง พระนารายณ์ทรงครุฑ ห้างโซโก้ที่อยู่ตรงข้ามกัน คนละฝั่งถนนเห็นท่าไม่ดีจึงได้สร้างศาลพระอินทร์ สู้บารมีกันไว้ เพียงไม่กี่สิบปีแยกแห่งนี้กลายเป็นแยกแห่งเทพเจ้าในที่สุด 
และเมื่อปี 53 ได้มีเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมืองในพื้นที่แห่งนี้ เพราะพื้นที่แห่งนี้ถือว่าใจกลางเศรษฐกิจ พอเกิดเหตุการเผาห้าง บริเวณแยกแห่งนี้กลับมีความเสียหายหนักเพียงแค่ห้างบิ๊กซีราชดำริ กับห้างเซ็นทรัลเวิลด์ในส่วนของห้างเซนเท่านั้น ซึ่งทำให้ห้างบิ๊กซีราชดำริ ซึ่งไม่เคยมีศาลมาก่อน ต้องจัดสร้างศาลพระแม่อุมาเทวีขึ้น  และในส่วนของห้างเซน ก็ได้ทำการปรับฮ้วงจุ้ยทางด้านหน้าของห้างตามมา

มาเดินทางไหว้เทพ ขอโชคขอลาภกันเลย....
              ตื่นสัก 7 โมงเช้าออกจากถนนรามบุตรี เดินเท้าไปยังเส้นราชดำเนินกลาง เดินไปเรื่อยๆ ผ่านอนุเสาวรีย์ ก็เดินตรงไปเรื่อยๆ ไปยังสะพานผ่านฟ้าลีลาศ เดินข้ามไปอีกนิดนึงเพื่อไปขึ้นเรือโดยสารคลองแสนแสบ ไปลงท่าประตูน้ำ นั่งประมาณ 30 นาที ค่าโดยสารประมาณ 15 บาท

ถึงท่าประตูน้ำ ก็หาของกินแถวนี้ก่อนก็ได้น่ะครับ แล้วเดินเท้าไปห้างเซ็นทรัลเวิลด์กันเลย เรียงไปตามหมายเลขเลยน่ะะครับ 



ต้องขออนุญาตคุณ laser จขกท."เที่ยวไปกินไป@ราชประสงค์:สี่แยกแห่ง 8 มหาเทพ"ใน pantip.com นำรูปมาประกอบน่ะครับ

 ไปเริ่มที่สถานที่แรก คือ
ศาลพระพิฆเณศวร ขอพรในเรื่องศิลปวิทยาการและความสำเร็จทุกประการ
พระพิฆเณศวร เป็นโอรสของพระแม่ปารวตี และพระศิวะ
บูชา ธูป 3 ดอก 5 ดอก หรือ 9 ดอก ดอกไม้ อาทิ ดอกบัว ดาวเรือง มะลิ หรือกุหลาบ ขอให้สด
         ผลไม้ที่โปรดมากคือ ทับทิม(ความสำเร็จ) หรือมะพร้าว(รุ่งเรือง)   ขนมหวาน อาทิ นมสด



ที่ต่อมาก็ใกล้ๆกันเลยนั่นก็คือ ศาลพระตรีมูรติ ขอพรในเรื่องความรัก ขอให้ครอบครัวมีความสุข ขอให้มีลูก
พระตรีมูรติ เป็นการรวมมหาเทพทั้ง 3 องค์ คือ พระพรหม พระศิวะ และพระวิษณุ
บูชา ธูปแดง 9 ดอก เทียนแดง 1 คู่ ดอกกุหลาบแดง 9 ดอก 
ลไม้สีแดง น้ำผึ้ง



เสร็จแล้วเดินข้ามสะพานลอยไปฝั่งบิ๊กซี ไปไหว้ ศาลพระอุมาเทวี ขอพรในเรื่องอำนาจ วาสนา ครอบครัวร่มเย็น
พระอุมาเทวี หรือพระแม่ปารวตี มารดาของพระพิฆเณศวร และพระขันทกุมาร มเหสีของพระศิวะ
บูชา ธูป 10 ดอก ดอกดาวเรือง สิ่งที่ห้ามถวายคือ ดอกบัว เนื้อสัตว์ ผลไม้มีหนาม
ทางห้างขอความร่วมมือ ห้ามถวายเครื่องใช้สตรี พรมน้ำอบ ห้ามนำมาลัยขึ้นคล้องบนพระแม่  ถอดรองเท้าก่อนขึ้นศาล  และห้ามสตรีมีประจำเดือนขึ้นบนศาล

ของกินอร่อยๆราคาไม่แพงแนะนำ ศูนย์อาหาร ชั้น4บิ๊กซีราชดำริ สมารถเลือกทานได้หลายด้วย  เสร็จแล้วค่อยเดินไปยังสี่แยกราชประสงค์ ไปเรื่อยๆก็จะเจอ ห้างเกษรพล่าซ่า ที่หัวมุมถนน ศาลขของห้างแห่งนี้จะแตกต่างจากที่อื่น โดยจะอยู่ด้านบนของห้าง เข้าไปในห้างแล้วขึ้นลิฟท์ไปชั้น 4 ออกไปทางดาดฟ้า ไปไหว้ ศาลพระลักษมี ขอพรในเรื่องความมั่นคง ร่ำรวย การค้าขาย และด้านความงามพระลักษมี เป็นมเหสีของพระนารายณ์
บูชา ธูป 9 ดอก ดอกบัวหลวงสีขาว หรือสีชมพู 

**ต้องเตรียมเครื่องสักการะไปเอง ไม่มีจำหน่าย

เมื่อเสร็จแล้ว ลงมาชั้นล่างแล้วเดินไปทางซ้ายมือไปยัง โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัลโรงแรมระดับหรูที่อยู่ติดกับห้างเกษรพลาซ่านั่นเอง ด้านหน้าจะมีศาลพระนารายณ์ทรงสุบรรณ ขอพรในเรื่องปกปักคุ้มครอง ปัดเป่าสิ่งไม่ดีและความชั่วร้ายพระนารายณ์หรือพระวิษณุ เป็นหนึ่งในสามเทพเจ้าสูงสุด มีพระมเหสีคือพระลักษมีมหาเทวี ในทางความเชื่อถือว่าเป็นผู้ดูแลความเรียบร้อยของโลก จะบรรทมบนหลัง พญาอนันตนาคราช มีพาหนะคือ พญาครุฑ
บูชา ดอกบัวขาว กล้วยไม้ขาว มะลิขาว ดาวเรือง

         
เสร็จแล้วก็เดินข้ามถนนไปอีกฝั่งหนึ่ง แนะนำให้เดินข้ามตรงทางม้าลายหน้าเกษรพลาซ่าจะสะดวกกว่าแล้วค่อยเดินไปทางซ้ายมือ ไปยังห้างอัมรินทร์พล่าซ่่าก่อนไปสักการะ ศาลท้าวอัมรินทราธิราช ขอพรในเรื่อง อำนาจบารมี เป็นใหญ่เป็นโต การงานราบรื่นศัตรูแพ้พ่าย
ท้าวอัมรินทราธิราช หรือ พระอินทร์ มีตำแหน่งเป้นจอมเทพ ประมุขแห่งเทวดาทั้งปวง
ในไทยถือว่าเป็นเทพเจ้าที่มีความสำคัญมาก เมื่อเกิดภัยธรรมชาติ ภัยอันตรายใดๆก็มักจะขอพรต่อพระอินทร์ พระอินทร์เป็นผู้ปกปักรักษาพระพุทธศาสนา จะเห็นได้ตามวัดวาอารามต่างๆ และยังถือว่าพระมหากษัตริย์คืออวตารหนึ่งของพระอินทร์ในโลกมนุษย์อีกด้วย จะรู้จักกันมากในปาง พระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ
บูชา ดอกไม้สีขาว(ห้ามใช้ดอกบัว) ดอกดาวเรือง ธูป 9 ดอก มะพร้าว กล้วย นมสด ตุ๊กตาช้างไม้ 1 คู่

เสร็จแล้วเดินย้อนกลับมายังสี่แยกที่เดินผ่าน มายังสถานที่ที่สำคัญที่สุด หากไม่มาถือว่ามาไม่ถึงแยกราชประสงค์ นั่นก็คือ ศาลท้าวมหาพรหม ตรงหัวมุมแยก หน้าโรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ นิยมขอพรในเรื่องต่างๆทุกอย่าง เนื่องมาจากพระพรหมเป็นเทพเจ้าผู้ประทานพรที่เปี่ยมด้วยเมตตาอยู่แล้ว พรทุกอย่างจึงสมดั่งปราถนาแก่ผู้มาสักการะ ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องโชคลาภ ค้าขายรุ่งเรือง
พระพรหม กำเนิดในดอกบัว มีศาสตราวุธคือ ลูกประคำ ดอกบัว คำภีร์และหม้อน้ำ มีพระชายาคือ พระแม่สุรัสวดี มีพาหนะ คือหงส์
 บูชา ธูป 12 ดอก ปักกระถางธูป 4 ด้าน ดอกดาวเรือง มะลิ ดอกบัว ดอกโมก ขนมหวาน มะพร้าว สาลี่ ชมพู่ กล้วย ข้าวหรือธัญพืชต่างๆ (ห้ามถวายเนื้อสัตว์เด็ดขาด)
การบูชา ควรสักการะให้ครบทั้ง 4 พระพักตร์ โดยเริ่มจากพระพักตร์กลาง เแล้วตามเข็มนาฬิกาสิ่งน่ารู้อีกก็คือ ศาล
ท้าวมหาพรหม ที่แยกราชประสงค์แห่งนี้ ได้รับความนิยมอย่างมากในบรรดานักท่องเที่ยวโดยเฉพาะชาวเอเชีย เนื่องมาจากในอดีตมีนักธุรกิจชาวฮ่องกงมาขอพรแล้วได้สมปราถนา ทำให้เป็นที่ร่ำลือกันอย่างมากมาจนถึงปัจจุบันถึงขนาดมีคณะทัวร์มาสักการะพระพรหมโดยเฉพาะ และศาลแห่งนี้ยังเป็นต้นฉบับแห่งแรกดั้งเดิม ในการสร้างศาลพรหมตามสถานที่ประกอบธุรกิจค้าขาย ถึงขนาดมีการตั้งศาลพระพรหมหน้าสถานที่ค้าขาย ในต่างประเทศกันเลยทีเดียว

ต่อไปก็ไปยังสถาที่สุดท้าย โดยข้ามมาฝั่งโรงพยาบาลตำรวจ เดินเข้าไปแล้วเดินไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่ต้องแลกบัตรเข้าไปก่อนน่ะครับ เพื่อไปยังศาลพระนารายณ์ประทับยืนบนพญาอนันตนาคราช นิยมขอพรในเรื่องปกปัดคุ้มครอง ปัดเป่าสิ่งไม่ดี สงบสุขร่มเย็น
บูชา ธูป 16 ดอก เทียน 1คู่ ดอกดาวเรือง (ห้ามถวายเนื้อสัตว์ สตรีมีรอบเดือนห้ามจุดธูปบูชา)

ถ้าหากมีเวลาเหลือแนะนำให้ไปเดินเล่นย่านสยามสแควร์ ฝั่งเดียวกับโรงพยาบาลตำรวจนั่นแหละครับไปตามแนวรถไฟฟ้า ข้ามถนนอังรีดูนังต์ไปก็จะถึง ย่านสยามสแควร์ หรือจะข้ามไปฝั่งตรงกันข้ามไปนั่งเล่นแถวสยามพารากอน หรือวัดปทุมวนารามก็ได้ ค่อยกลับมาขึ้นเรือที่ท่าประตูน้ำ เรือเที่ยวสุดท้าย 2ทุ่มครึ่งยกเว้นวัดอาทิตย์หมดทุ่มหนึ่ง
ค่าใช้จ่ายรวม ค่าเรือโดยสาร                                                   30  บาท
                         ค่ากิน 3 มื้อ มื้อละ60 ค่าน้ำ40                          220 บาท
                         ค่าเครื่องบูชา ธูปห่อใหญ่ห่อเดียวไหว้ได้
                         ทุกที่ ซื้อร้านค้าทั่วไปหรือ 7-11 ก็ได้                40 บาท
                         อื่นๆเผื่อไว้                                                         200 บาท
                       
รวม  490 บาท


วันจันทร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

backpack มากรุงเทพฯ โปรแกรมที่ 1 เยือนวัดพระแก้ว(ตอนย่อยที่3)

backpack จากเวียงจันทน์มากรุงเทพฯ โปรแกรมที่ 1 เยือนวัดพระแก้ว(ตอนย่อยที่3)



               เมื่อเดินออกมาจากวัดโพธิ์ประตูเดิมแล้ว ก็เดินไปทางซ้ายมือไปยัง ท่าเตียนเพื่อนั่งเรือข้ามฝาก 


แวะหาของกินที่ท่าเตียน   อิ่มอร่อยมื้อเที่ยง แม้จะกินสายไปหน่อย555  กินเสร็จก็ไปลงเรือกันเลย ต้องนั่งเรือข้ามฝากน่ะครับย้ำไว้ก่อน เดี๋ยวไปลงเรือด่วนจะงงเอา ค่าเรือ 3 บาท ไปยังวัดต่อไป

วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร(เข้าฟรี)

                หรือ วัดแจ้งนั่นเอง ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา สร้างในสมัยอยุธยา เป็นวัดที่นิยมอีกเช่นเดียวกัน เรียกได้เลยว่า เป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของประเทศไทย ที่ชาวต่างชาติรู้จักกัน  โดยเฉพาะในยามค่ำที่เปิดไฟ จะสวยงามมาก
               
  
วัดอรุณยามค่ำ

เมื่อขึ้นจากท่าเรือวัดอรุณมาแล้ว อันดับแรกก็คือ การไปไหว้พระในพระวิหารก่อน
ซึ่งพระวิหารวัดอรุณฯ จะมีลักษณะสีขาวประดิษฐาน พระพุทธชัมพูนุช  นิยมขอพรในเรื่อง ชีวิตรุ่งโรจน์ทุกคืนวัน
                       
                         

สิ่งสวยงามอีกแห่งหนึ่งของวัดอรุณฯคือ ซุ้มประตูหน้าพระวิหาร กับ ยักษ์วัดอรุณฯ นั่นเอง ยักษ์ที่วัดอรุณฯจะใหญ่กว่าวัดโพธิ์มากเลยทีเดียว                                                                                   
                                                                                 ยักษ์วัดอรุณฯ กับซุ้มระตู
ต่อไปก็คือการขึ้นไปชมพระปรางค์วัดอรุณฯ มาวัดนี้ต้องไม่พลาดที่จะขึ้นไม่งั้นจะถือว่ามาไม่ถึง
เพราะถ้าใครได้ขึ้นแล้วจะไม่อยากลงมากันเลยที่เดียว อยากรู้ต้องลองขึ้นไปดู(ตอนนี้กำลังบูรณะอยู่ควรหาข้อมูลก่อนไป)
                         
                                                                         
  วิวจากพระปรางค์

เมื่อเดินชมจนหนำใจแล้ว ก็ไปซื้อตั๋วชม 3 วัดที่ท่าน้ำกัน(คนละท่ากับท่าเรือข้ามฝาก) ราคา30บาท นั่งเรือไปที่วัดต่อไปกันเลย

วัดกัลยานมิตรวรมหาวิหาร(เข้าฟรี)

               สร้างในสมัยรัชกาลที่ 3 มีการสร้างวิหารหลวงและพระพุทธรูปองค์ใหญ่ ให้คล้ายกับวัดในกรุงเก่า อย่าง วัดพนัญเชิง เข้าไปไหว้พระประธานกันเลย ในพระวิหารประดิษฐาน พระประธานองค์ใหญ่ ชื่อ พระพุทธไตรรัตนนายก หรือหลวงพ่อโต หรือจะ เรียกชื่อแบบจีนว่า ซำปองกง  นิยมขอพรในเรื่อง เดินทางปลอดภัย มีมิตรไมตรีที่ดี                             

                                                                                              พระวิหาร
                         
                                                               พระพุทธไตรรัตนนายก (หลวงพ่อโตหรือซำปอกง)

กลับมารอนั่งเรืออีกครั้ง เพื่อไปยังวัด ต่อไป นั่นก็คือ


วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร(เข้าฟรี)

               วัดระฆังฯ เป็นวัดที่อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา สร้างในสมัยอยุธยา สิ่งที่ทำให้วัดระฆังฯเป็นที่รู้จักมากขึ้น คือ เป็นที่สถิตของ สมเด็จพระพุทฒาจารย์(โต พฺรหฺมรํสี) ที่ประชาชนนับถืออย่างมากในเมืองไทย เพราะนอกจากมีจริยาวัตรด้านความสมถะ ท่านยังทรงคุณทางด้านวิชาอาคม เมตตามหานิยม โดยเฉพาะวัตถุมงคล คือ พระสมเด็จ ที่เป็นพระเบญจภาคี สุดยอดพระเครื่องของไทย และท่านเป็นผู้ปรับปรุงแก้ไข คาถาชินบัญชร ที่มีชื่อเสียง
เข้าไปในพระอุโบสถ ไหว้พระประธานกันก่อนเลย
ในพระอุโบสถจะประดิษฐานหลวงพ่อยิ้มรับฟ้า  นิยมขอพรในเรื่อง มีชื่อเสียงด่งดัง คนนิยมชมชอบ
   
                         
                                                                                         หลวงพ่อยิ้มรับฟ้า
ค่อยนั่งเรื่องข้ามฝากจากวัดระฆัง ไปยังท่าช้าง ในราคา 3 บาท
แล้วนั่งเรือด่วนเจ้าพระยา ไปลงท่าพระอาทิตย์ ค่อเข้าที่พัก ค่าเรือไม่เกิน 20 บาท
หรือจะหาซื้อของกินแล้วนั่งเล่นที่สนามหลวงชม สนามหลวงยามค่ำคืน ค่อยเดินกลับก็ได้


ค่าใช้จ่าย  ค่าเดินทาง                            =    56 บาท(นั่งเรือด่วน)
                 ค่ากิน มื้อละ 60 บาท 3 มื้อ     =    180 บาท
                 ทำบุญ                                     =    200 บาท
                  ค่าเข้าชม                               =    700 บาท
                  เผื่อ                                         =    200 บาท

รวมค่าใช้จ่าย       1,336  บาท

backpack มากรุงเทพฯ โปรแกรมที่ 1 เยือนวัดพระแก้ว(ตอนย่อยที่2)


backpack จากเวียงจันทน์มากรุงเทพฯ โปรแกรมที่ 1 เยือนวัดพระแก้ว(ตอนย่อยที่2)



              เมื่อชมในส่วนของวัดพระแก้วไป แล้ว ก็เดินเข้าไปประตูด้านข้างของวัดพระแก้วกันต่อเลย(เดินตามนักท่องเที่ยว)  จะไปในส่วนของพระบรมมหาราชวัง   พระบรมมหาราชวังในส่วนที่เข้าชมได้จะประกอบไปด้วย พระที่นั่ง หอ ศาลา และสวน
ในส่วนของพระที่นั่งในพระบรมมหาราชวัง จะมี พระที่นั่งที่สำคัญ ที่สามารถเดินชมได้ตามเส้นทาง ดังนี้

พระที่นั่งอัมรินทร์วินิจฉัย

               ใช้เป็นท้องพระโรงสำหรับเสด็จออกฝ่ายหน้า เสด็จออกว่าราชการ  โดยจะมี หอศาสตราคม พระที่นั่งดุสิตาภิรมย์ อยู่ทางด้านหน้า                                                                                                            


พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท

           ใช้เป็นท้องพระโรง เป็นสถานที่สำหรับออกให้คณะทูตานุฑูตเฝ้ารวมทั้งถวายพระราชสาหส์ตราตั้ง ถวายพระพรชัยมงคล และเป็นที่รับรองพระราชอาคันตุกะ ชั้นล่างเป็นพิพิธภัณฑ์แสดงเครื่องอาวุธโบราณ(ไม่ได้เปิดให้เข้าชม เปิดแค่วันสำคัญบางวันเท่านั้น)  ด้วยความที่มีสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นผสมผสานระหว่างไทยกับยุโรป จึงเป็นจุดสำคัญที่ไม่ควรพลาดชม
                           



พระที่นั่งอาภรณ์ภิโมกข์ปราสาท

                ใช้เป็นที่ประกอบพระราชพิธีโสกันต์(โกนจุก) ด้วยความที่มีสถาปัตยกรรมไทยแท้ จึงไดรับการยกย่องให้เป็นศิลปะแขนงหนึ่งของไทย ที่เรียกกันว่า ศาลาไทย     
                             

เมื่อเดินชมเสร็จแล้วก็ เดินออกมาที่ประตูเดิม     เดินเลียบนอกกำแพงทางด้ายขวามือ เพื่อไปยังศาลหลักเมือง ต่อไป  พอสุดกำแพงข้ามถนนไปไม่กี่ก้าวก็จะถึง

ศาลหลักเมือง(เข้าฟรี)
               สร้างขึ้นมาพร้อมกับการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์เป็นเมืองหลวง ตามคติของการสร้างเมืองในสมัยก่อน ภายในจะมีเสาหลักเมืองอยู่ 2 ต้น เป็นเสาเก่ากับเสาใหม่
ถ้าหากไหว้ศาลหลักเมืองแล้ว แนะนำให้เดินไปทางหลังศาล ไหว้ซุ้มที่ประดิษฐานเทพารักษ์ทั้ง 5 องค์ คือ เจ้าพ่อหอกลอง เจ้าพ่อเจตคุปต์ พระเสื้อเมือง พระทรงเมือง และพระกาฬไชยศรี เพื่อเป็นศิริมงคล
       

                            
                                                         ศาลหลักเมือง(กรุงเทพฯ) 
                             
                                                                                      เทพารักษ์ทั้ง 5 องค์


                    สักการะเสร้จแล้วเดินก็เดินมาทางกำแพงพระบรมมหาราชวังอีกด้านหนึ่ง จะผ่านกระทรวงกลาโหม ตึกสีเหลืองตัดขาวโดดเด่นสะดุดตา แนะนำให้เดินฝั่งนี้จะดีกว่าเพราะมีร่มไม้ เดินสบายๆไปเรื่อยๆ ก็ผ่านสถานที่สวยๆอีกที่ก็คือ พระราชวังสราญรมย์ ตึกสีแดงอมน้ำตาล เลยไปอีกนิดก็จะเป็นสวนสราญรมย์
เดินข้ามถนนมาฝั่งกำแพง ก็จะเห็น สถานที่ต่อไป คือ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร หรือวัดโพธิ์นั่นเอง
เดินตามกำแพงวัดไปเรื่อยๆไม่ไกลมากก็จะเจอทางเข้า(มีประตูเดียวที่เปิด) ค่าเข้าชมสำหรับชาวต่างชาติคนละ 200 บาท


วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร

                เป็นวัดเป็นวัดที่สำคัญอีกวัดหนึ่ง สร้างตั้งแต่สมัยอยุธยา ถือเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของไทย เพราะเป็นแหล่งรวบรวม วิชาความรู้ต่างๆ ทั้งประวัติศาสตร์ วรรณกรรม และการแพทย์ เป็นแหล่งกำเนิดการนวดแพทย์แผนไทย และยังเป็นวัดที่มีพระเจดีย์มากที่สุดในไทย  

ยูเนสโก ได้ขึ้นทะเบียนจารึกวัดโพธิ์จำนวน 1440 ชิ้นเป็น มรดกความทรงจำโลก ในปี 2554
วัดโพธิ์แห่งนี้ เป็นวัดที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวไม่แพ้วัดพระแก้วกันเลยทีเดียว เรามาเริ่มเที่ยวชมกันได้เลย 
           

                              

เมื่อเข้ามาก็จะเจอกับ วิหารพระพุทธไสยาส(พระนอน)หลังคาสีน้ำเงินตามภาพบน แนะนำให้เดินมาที่พระอุโบสถตรงกลางก่อนเพื่อไปไหว้พระประธาน  
                                                                                                   

ในพระอุโบสถวัดโพธิ์ประดิษฐาน พระพุทธเทวประฏิมากร เป็นพระประธาน                                                                         
และสิ่งหนึ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของวัดโพธิ์ คือ มีพระเจดีย์ และซุ้มประตูที่งดงามนั่นเอง ตามมาด้วย เขาฤาษีดัดตน ที่เป็นศาสตร์การบำบัดแผนโบราณ                                                                       
                          
                           
แล้วค่อยเดินกลับมาชม สถานที่ที่มีชื่อเสียงที่สุดของวัด ก็คือ วิหารพระพุทธไสยาส ที่ประดิษฐานพระพุทธไสยาสองค์ใหญ่ โดยที่พระบาทซ้ายขวาประดับมุกภาพมงคล 108 ประการ นิยมขอพรในเรื่อง ร่มเย็นเป็นสุข                                                                                                                                                                                                                                                                                            

              วัดโพธิ์แห่งนี้ มีตำนานอยู่เรื่องหนึ่งนั่นก็คือ ตำนานยักษ์วัดแจ้งกับยักษ์วัดโพธิ์ คือ มียักษ์2ฝากแม่น้ำคือยักษ์วัดแจ้งกับวัดโพธิ์ที่เป็นเพื่อนรักกันมานาน วันหนึ่งยักษ์วัดโพธิ์ไม่มีเงินจึงข้ามแม่น้ำไปยืมยักษ์วัดแจ้ง พอถึงเวลาส่งคืนยักษ์วัดโพธิ์กลับไม่ยอมให้จึงเกิดตีกัน ทำให้บริเวณนั้นราบเตียนไปหมดไม่มีอะไรเหลือ เมื่อพระอิศวร ทราบเรื่องราวจึงสาปให้ยักษ์ทั้งสองเป็นหิน ให้ยักวัดโพธิ์เฝ้าหน้าพระอุโบสถ ส่วนยักษ์วัดแจ้งเฝ้าหน้าพระวิหาร  บริเวณที่ยักษ์ทั้งสองทะเลาะกัน ที่ราบเรียบนั้น คือ ท่าเตียนในปัจจุบัน                                                                                                                                                                                                                                                                              
                                                                                         ยักษ์วัดโพธิ์



.....ต่อหน้าต่อไป

วันเสาร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

backpack มากรุงเทพฯ โปรแกรมที่ 1 เยือนวัดพระแก้ว(ตอนย่อยที่1)



backpack จากเวียงจันทน์มากรุงเทพฯ โปรแกรมที่ 1 เยือนวัดพระแก้ว(ตอนย่อยที่1)
ค่าใช้จ่ายทริปนี้ 1,340 บาท(แพงค่าเข้าชม)

................เนื่องจากในกรุงเทพฯ ค่อนข้างมีรถโดยสารค่อนข้างมาก หากมีที่พักแล้วก็ไม่น่าห่วงเท่าไหร่ มาเริ่มโปรแกรมแรกกันเลยดีกว่า 1 กันเลยดีกว่า
ในแต่ละสถานก็มีเรื่องราวที่น่าสนใจหลายอย่าง ผมจึงอยากให้ได้อ่านเรื่องราวของแต่ละสถานที่คร่าวๆเพื่อให้ได้บรรยากาศในการเที่ยวอย่างแท้จริง จึงขอแบ่งเป็นตอนย่อยๆ มาดูทริปวันนี้กันก่อนเลยดีกว่า (ไม่)ประหยัดตังค์ ไม่ลำบาก ไม่ต้องรีบด้วย ***มีค่าเข้าชม2วัดคนไทยเข้าฟรี
วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฏิ์ราชวรมหาวิหาร>>วัดพระศรีรัตนศาสดาราม,พระบรมมหาราชวัง(500บาท)>>>ศาลหลักเมือง>>วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร(200บาท)>>วัดอรุณราชวรารามวรวิหาร>>วัดกัลยานมิตรวรมหาววิหาร >>วัดระฆังโฆสิตาราวรมหาวิหาร >>ท่าพระอาทิตย์   ตามแผนที่นี้เลย
       อย่าลืมและสำคัญมากนั่นก็คือ การแต่งกายสวมการเกงไม่สั้นเสื้อสุภาพไม่บาง รองเท้าไม่แตะ เพราะต้องเข้าวัด
        ถ้าจะอยากอิ่มบุญไปด้วย แนะนำให้แลกเงินเป็นแบงค์ใบ 20 บาท ไว้สัก 200 บาทสำหรับทำบุญด้วยน่ะครับ
มาเริ่มเที่ยวกันได้เลยย.............



                    ตื่นเช้าสัก 7 โมง จากที่พักในซอยรามบุตรี เดินออกมาทางสนามหลวง เพื่อจะได้สัมผัสบรรยากาศยามเช้าที่สนามหลวง สงสัยมั้ยว่าทำไมถึงมีลานหญ้าโล่งกลางเมืองพระนครน่ะ ถ้างั้นมาดูประวัติกันก่อนดีกว่า





เดิมสนามหลวง ชื่อว่า ทุ่งพระเมรุ แต่แรกนั้นพื้นที่ตรงนี้เป็นที่ประกอบราชพิธีต่างๆ แต่ด้วยความที่ว่าหนึ่งในพิธีนั้นคือ การเป็นที่ตั้งพระเมรุมาศของพระมหากษัตริย์ และพระบรมวาศานุวงศ์ คนสมัยนั้นจึงนิยมเรียกกันว่า ทุ่งพระเมรุ       สนามหลวง เคยผ่านเหตุการณ์หลายๆอย่าง ตั้งแต่เป็นทุ่งนา เป็นสนามกอล์ฟ เป็นตลาด โดยเฉพาะอย่างหลังนี้เองที่เป็นจุดเริ่มต้นตลาดนัดใหญ่ที่สุดของไทยมีมากกว่า 10,000 ร้านค้า นั่นก็คือตลาดนัดจตุจักร หรือ JJ marketที่ชาวต่างประเทศรู้จักกัน โดยย้ายจากสนามหลวง ไปตั้งที่จตุจักรในปัจจุบันตั้งแต่ พ.ศ.2521


                                                                ภาพเก่าสนามหลวง
                                       
                                                           ภาพตลาดนัดสนามหลวง


นั่งเล่นสักพักค่อยเดินต่อไปที่วัดมหาธาตุฯกัน
เดินตามรั้วสนามหลวงไปเรื่อยๆก็จะเห็น ทางเข้าวัดมหาธาตุฯ เดิยเลย ม.ธรรมศาสตร์มาหน่อยนึง        วัดนี้ เข้าฟรี น่ะครับ

                                    


เนื่องจากวัดมหาธาตุฯไม่ได้เป็นที่เด่นสะดุดตา หรือนิยมท่องเที่ยว เพราะเมื่อมองจากภายนอกวัด วัดจะดูมีขนาดเล็กมาก นักท่องเที่ยวต่างชาติจึงนิยมแค่ถ่ายรูปอนุเสาวรีย์ด้านหน้าเท่านั้น  ซึ่งภายในวัดก็จะมีกิจกรรมการปฏิบัติธรรม แต่เข้าไปได้แน่นอน  และที่สำคัญที่สุดนั่นก็คือ วัดนี้เมื่อเดินเข้าไปแล้ว จะหาทางไปอุโบสถของวัดไม่เจอ จึงเอาภาพจาก มุมสูงแนบมาด้วย จุดสีแดงคือทางเข้าน่ะครับ  โดยแนะนำให้เดินชมแนวระเบียงคดรอบโบสถ์ ตามภาพ(ส่วนที่ดำๆไม่ได้พังน่ะครับ วัดกำลังบูรณะอยู่จึงเห็นผ้าคลุมดำมุมล่างซ้าย) แล้วค่อยเข้าพระมณฑป(หลังเล็กสุด) ซึ่งประดิษฐาน พระเจดีย์ทองศรีรัตนมหาธาตุ บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ  ต่อด้วยอุโบสถวัด(หลังใหญ่สุด)ไหว้พระประธาน แล้วค่อยเดินทะลุออกมาทางด้านหลังวัด หาอะไรกินแถวนี้ได้ มีหลายร้าน หรือจะเดินไปทางวัดพระแก้วแถวท่าช้างก็ได้

                                 

หาอะไรกินอิ่มแล้วมาที่ ไฮไลท์ของวันนี้กันเลยดีกว่า นั่นก็คือวัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือวัดพระแก้วนั่นเอง   เดินไม่ไกลมากก็จะเจอกำแพงพระบรมมหาราชวัง แล้วเดินเลี้ยวซ้ายไปก็จะเห็นประตูวิเศษไชยศรี เป็นประตูเดียวที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้า อย่าลืมพกน้ำเปล่าเข้าไปกินข้างใน เพราะปกติจะเดินอยู่ภายใน ประมาณ ชั่วโมงกว่า

                                
              เมื่อเข้าไปแล้ว ก็จะมีคนคอยตรวจการแต่งกาย มองอยู่ไกลๆ55 เดินตามขบวนนักท่องเที่ยวไปเลยครับ   ค่าเข้าชม 500 บาทน่ะครับสำหรับต่างชาติ   เป็นราคาเหมารวม ชมพิพิธภัณฑ์เครื่องราชฯ  วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หมู่พระบรมมหาราชวัง พระที่นั่งอนันตสมาคม พระที่นังวิมานเมฆ ใช้ได้ภายใน 7 วัน ได้ตั๋วมาจะได้แผนผังมาด้วย เดิมชมตามนักท่องเที่ยวคนอื่นๆได้เลย

วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือเรียกกันทั่วไปว่า วัดพระแก้ว เป็นวัดที่อยู่ในพระบรมมหาราชวัง สร้างตามลักษณะวังหลวงในสมัยอยุธยา ที่จะสร้างวัดภายในวัง  วัดพระแก้วเป็นประดิษฐานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร(พระแก้วมรกต) เป็นพระประธาน


                                                             พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร(พระแก้วมรกต)



ภายในบริเวณก็จะมี รูปปั้นฤาษี หอระฆัง หอพระคันธารราษฎร์ หอราชกรมานุสรณ์ หอพงศานุสรณ์ พระโพธิธาตุพิมาน ปราสาทพระเทพบิดร พระมณฑป พระศรีรัตนเจดีย์ บุษบกพระราชลัญจกร พระสุวรรณเจดีย์ นครวัดจำลอง รูปปั้นสัตว์หิมพาน พระระเบียง
                                    
                                                                 ปราสาทพระเทพบิดร

                                       
                                                                        พระมณฑป                                                                                                                   
                                                                              พระระเบียง รอบพระอุโบสถ
ข้อควรรู้คือ วัดพระแก้วไม่มีพระสงฆ์
                   ห้ามถ่ายรูปภายในพระอุโบสถ
                   วัตถุ ฝาผนัง รูปปั้น ห้ามจับ
                   ห้ามจุดธูปเทียนภายในพระอุโบสถ จุดภายนอกได้
                   วัดพระแก้วไม่ได้เปิดทุกวัน โดยจะมีการปิดในช่วงที่มีพระราชพิธีสำคัญ(ต้องตรวจดูวันเวลาก่อน ซึ่งมีไม่กี่วัน )
                   มีเพียงหอพระแก้วแห่งเดียวเท่านั้นที่เปิดในวันทั่วไป(บางจุดเปิดเฉพาะวันสำคัญ)
                   รูปปั้นฤาษี(ที่เข้ามาในวัดแล้วเจอเลย) คือ หมอชีวก โกมารทัจน์ หมอประจำองค์พระพุทธเจ้า (อธิฐาน เรื่องโรคภัย ไข้เจ็บ)
                   นครวัดจำลอง จำลองมาตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นส่วนหนึ่งอาณาจักรสยาม ถูกต้องทุกสัดส่วนตามโครงสร้างของจริง
                   พระแก้วมรกต มีเครื่องทรงสามฤดู ฤดูร้อน ฤดูหนาว ฤดูฝน หากไปต่างฤดูก็จะเห็นพระแก้วมรกตดูแตกต่างกันออกไป
                   เนื่องจากในอุโบสถคนค่อนข้างมาก จึงไม่แนะนำให้นั่งนานเพราะจะได้แบ่งปันผู้อื่นด้วย
                   พระระเบียงวัดพระแก้วนั้น เป็นสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรพลาดชม


วีดีโอ พาชมวัดพระแก้ว และ พระบรมมหาราชวัง น่ะครับ ที่มา ยูทูป


.......อ่านต่อหน้าต่อไป
                 
              

วันศุกร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

รู้เรื่องกรุงเทพฯ ตอนที่ 3 รู้เรื่องจำนวนสถานที่ท่องเที่ยวและการเดินทาง



รู้เรื่องกรุงเทพฯ ตอนที่ 3 รู้เรื่องจำนวนสถานที่ท่องเที่ยวและการเดินทาง

ข้อมูลการท่องเที่ยวและการเดินทางภายในกรุงเทพแบบคร่าวๆ

สถานที่

- วัดในกรุงเทพมีประมาณ 445 แห่ง โดยแบ่งเป็นวัดหลวง 96 แห่ง วัดราษฎร์อีกระมาณ 349แห่ง               **วัดหลวงคือวัดที่พระมหากษัตริย์หรือ พระบรมวงศานุวงศ์ ทรงสร้างหรือปฏิสังขร หรืออาจจะมีผู้สร้างน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายเป็นวัดหลวง ส่วนวัดราษฎร์ คือวัดที่ประชาชนสร้างหรือปฏิสังขร
- พิพิธภัณฑ์ทั้งสิ้น 56 แห่ง มีทั้งแบบศิลปะ วิทยาศาสตร์ หรือเฉพาะทาง 
           ที่น่าเดิน อาทิ นิทรรศน์รัตนโกสินทร์  มิวเซียมสยาม พิพิธภัณฑ์เปลือกหอย พิพิธภัณฑ์เด็ก  พิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศ พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติเรือราชพิธี  พิพิธภัณฑ์ดิน พิพิธภัณฑ์กายวิภาคศาสตร์ศิริราช(น่าไปมาก) พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติพระนคร  ฯลฯ 
- อนุเสาวรีย์หรืออนุสรณ์สถานประมาณ 42 แห่ง อาทิ พระบรมรูปทรงม้า อนุเสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสิน(วงเวียนใหญ่) อนุเสาวรีย์ประชาธิปไตย อนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ อนุเสาวรีย์หมู  พระบรมราชานุเสาวรีย์ ร.6(สวนลุมพินี)  อนุเสาวรีย์ศ.ศิลป์ พีระศรี  ฯลฯ
- สวนสาธารณะประมาณ 34แห่งอาทิ สวนลุมพินี สวนหลวง ร.9 สวนรมมณีนาถ สวนจตุจักร ฯลฯ
- ศูนย์การค้ามากกว่า 30 แห่ง ที่เป็นขนาดใหญ่ และมีห้างสรรสินค้ามากกว่า 70 แห่งไม่นับห้าง                      สรรพสินค้าทั่วไป อาทิ เซ็นทรัลเวิลด์ สยามพารากอน เซ็นทรัลลาดพร้าว เอ็มโพเรียม เดอะมอลล์บางกะปิ Terminal21 ซีคอนสแควร์ มาบุญครอง Gatewayเอกมัย  ฯลฯ
- ถนนท่องเที่ยวที่นิยม ถนนข้าวสาร ถนนราชดำเนิน ถนนพระอาทิตย์ ถนนเยาวราช ฯลฯ- ถนนท่องเที่ยวยามราตรี ถนนข้าวสาร ถนนสีลม ถนนสุขุมวิท ถนนรัชดา ฯลฯ
- แหล่งรวมเสื้อผ้าที่นิยม ประตูน้ำ(ใบหยก) แพลตินัม  ตะวันนา จตุจักร กกท. ฯลฯ

- แหล่งรวมรองเท้า กระเป๋าอื่นๆ ที่นิยม แพลตินัม จตุจักร รามคำแหง กกท. ฯลฯ
- แหล่งรวมอุปกรณ์ไอที มาบุญครอง ฟอร์จูน เซ็นลาด-ยูเนี่ยน พันทิพย์(ปิดปรับปรุง)
             ไอทีซิตี้ตามศูนย์การค้าอื่นๆ ฯลฯ
- สวนสัตว์และสถานที่เสมือนสวนสัตว์อยู่ปะมาณ 4 แห่ง คือ
             สวนสัตว์ดุสิต(เขาดินวนา) เขต ดุสิต               สวนสัตว์ซาฟารีเวิลด์ เขตคลองสามวา
             อุทยานผีเสื้อและแมลงกรุงเทพในบริเวณสวนรถไฟ เขตจตุจักร
             สยามโอเชี่ยนเวิลด์ในศูนย์การค้าสยามพารากอน เขตปทุมวัน
- สวนสนุก 1 แห่ง คือ สวนสยาม เขตคันนายาว
- สวนน้ำ อาทิ เดอะมอลล์งามวงวาน เดอะมอลล์บางกะปิ  สวนสยาม ลีโอแลนด์
- ห้องสมุดที่นิยม อาทิ ห้องสมุดเนลสันเฮร์  หอสมุดปรีดี พนมยงค์  The Reading Room                       ห้องสมุดสวนลุมพินี  ห้องสมุดศิลปวัฒนธรรม(หอศิลปกรุงเทพ)  หอสมุดแห่งชาติ  ห้องสมุดสยามสมาคม  TK Park(เซ็นทรัลเวิลด์)  ห้องสมุดมารวย  TCDC(ห้องสมุดศิลปะ) หอสมุดจุฬาฯ เป็นต้น

ทั้งนี้สถานที่ ที่กล่าวมานับเฉพาะเขตกรุงเทพฯ แต่ถ้าหากเดินทางออกไปจากกรุงเทพฯไม่ไกลก็จะเจอสถานที่ท่องเที่ยวอีกมากพอสมควร



การเดินทาง
- สะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา 11 แห่ง
- สนามบิน 1 แห่ง คือ ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง มีเที่ยวบินจำนวน 172,681 เที่ยว(ปี 2557)            ส่วนท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ แม้จะอยู่ในเขตจังหวัดสมุทรปราการแต่เดินทางจากกรุงเทพก็สะดวกมากเช่นกัน มีรถไฟฟ้า airport link จากพญาไทถึงสุวรรณภูมิ
- รถไฟฟ้า 4 สาย 60 สถานี ใต้ดิน 1 ลอยฟ้า 3 แห่ง(หนึ่งสายคือAirport link)
- สถานีขนส่งผู้โดยสารหลัก อยู่ 3 แห่ง คือ
               สถานีขนส่งจัตตุจักร:เหนืออีสาน(ใต้และตะวันออกบางส่วน)  
               สถานีขนส่งถนนบรมราชนนี(สายใต้ใหม่):ใต้(ตะวันออกบางส่วน)  
               สถานีขนส่งเอกมัย:ตะวันออก
- ท่าเรือ 1 แห่ง ท่าเรือคลองเตย
- สถานีรถไฟหลัก อยู่ 4 แห่ง คือ สถานีกรุงเทพ(หัวลำโพง)  สถานีชุมทางบางซื่อ  สถานีธนบุรี            สถานีวงเวียนใหญ่ สถานีเล็กอีก 17 สถานี
- รถเมล์โดยสารภายในกรุงเทพ 445 เส้นทางโดยนับรวมการเดินทางเชื่อมจังหวัดข้างเคียงด้วย           มีจำนวนทั้งหมด 16,209 คัน เป็นรถเมล์ 7,525คัน  รถเมล์เล็ก 6,513คัน
   โดยจุดที่คนนิยมไปขึ้นรถโดยสารมาก ก็คือ บริเวณรอบอนุเสวารีย์ชัยสมรภูมิ ถ้าไปไหนไม่ถูกให้มาเริ่มที่จุดนี้ก่อน
- รถตู้โดยสาร 5,528 คัน(สถิติปี2554)แท็กซี่ 108,616 คัน(ปี2557)  หลายสีพอสมควร

- รถมอไซด์รับจ้างมีประมาณ 4,500วิน มอไซด์มากกว่า 20,000 คันและยังคงมี รถตุ๊กตุ๊ก รถซูบูรุ 
- ถนนวงแหวน 2 เส้น รอบใน(รัชดาภิเษก)  รอบนอก(กาญจนาภิเษก)
- ทางด่วน 3 สาย(เป็นเส้นเชื่อมระหว่างเมือง) คือ บางนา-ชลบุรี   บางปะอิน-ปากเกร็ด   บางพลี-สุขสวัสดิ์


                                           จากภาพ ถนนสีส้มคือ ทางหลวงและทางพิเศษ

- ท่าเรือโดยสารริมแม่น้ำเจ้าพระยา มากกว่า 50 ท่า มี 34 ท่า สำหรับเรือด่วนเจ้าพระยา

- จำนวนคูคลอง 1,682 คูคลอง ยาวรวมกัน 2,604 กม.
- คลองที่มีเรือโดยสารเพียงแห่งเดียวคือ คลองแสนแสบ มีท่าโดยสาร 27 ท่า


รู้เรื่องกรุงเทพฯ ตอนที่ 2 สถาที่ท่องเที่ยวอื่นๆ(นอกเหนือจากเกาะรัตนฯ)


รู้เรื่องกรุงเทพฯ ตอนที่ 2 สถาที่ท่องเที่ยวอื่นๆ(นอกเหนือจากเกาะรัตนฯ)

.............สถานที่ ที่ชาวต่างชาตินิยมกับคนไทยนิยมก็อาจจะมีความแตกต่างกันบ้างพอสมควร โดยเฉพาะ นอกเหนือจากเขตเกาะรัตนโกสินทร์แล้ว จะเห็นชาวต่างชาติเที่ยวเป็นบางแห่ง ไปตามสถานที่แบบเจาะจงไปโดยเฉพาะ อาทิ ชาติตะวันตก จะเน้นเที่ยวพิพิธภัณฑ์ ตลาด ศูนย์การค้า เป็นหลัก แต่ถ้าหากเป็นชาวเอเชียแล้ว ตามวัดไทย วัดจีน ศาลเทพเจ้า จะนิยมกันอย่างมาก จนอาจจะแทบไม่เห็นคนไทยในบางแห่งกันเลยทีเดียว


ข้อมูลบางส่วนของสถานที่ท่องเที่ยวในกรุงเทพฯ ที่นักท่องเที่ยวนิยมไป

เทพเจ้าย่านราชประสงค์ เช่น ศาลท้าวมหาพรหม(สร้างความสำเร็จ ปัดเป่าอุปสรรค 
โชคลาภ ) ศาลพระตรีมูรติ(ความรัก)  ศาลพระพิฆเศวร(ความรู้ ศิลปวิทยา)  พระวิษณุทรงครุฑ(คุ้มครองดูแล)  พระลักษมี(ร่ำรวย ความรัก อุดมสมบูรณ์  พระอินทร์(ชนะศัตรูทั้งปวง)  พระนารายณ์บนพญาอนันตนาคราช(ความสงบสุข ร่มเย็น)  พระแม่ปารวตี(วาสนา บารมี รอบครัว)
ศาลท้าวมหาพรหม


พิพิธภัณฑ์ เช่น พิพิธภัณฑ์บ้านไทยจิม ทอมสัน  หอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพ บ้าน ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ(พระนคร)  พิพิธภัณฑ์วังสวนผักกาด
พิพิธภัณฑ์การแพทย์ศิริราช  พิพิธภัณฑ์ศิลปะไทยร่วมสมัย(MOCA) เป็นต้น
พิพิธภัณฑ์วังสวนผักกาด


วัดอื่นๆ ในกรุงเทพฯ เช่น วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร  วัดหนังราชวรวิหาร  วัดปากน้ำภาษีเจริญ  วัดยานนาวา  วัดเทพลีลา  วัดหัวลำโพง  วัดพระศรีมหาธาตุ วรมหาวิหาร(บางเขน)  วัดปทุมวนารามราชวรวิหาร  วัดธาตุทอง  วัดทุ่งเศรษฐี  วัดมหาบุศย์  เป็นต้น
                             
                                                           วัดยานนาวา 

สถานที่สำคัญทางศาสนา(นอกจากวัดไทย) เช่น
จีน : วัดมังกรกมลาวาส  ศาลเจ้าพ่อเสือ  วัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์ ศาลเจ้าแม่กวนอิม(เยาวราช) ฯลฯ
                               
                                            วัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์(เล่งเน่ยยี่2)
พราหมณ์-ฮินดู : วัดพระศรีมหาอุมาเทวี(วัดแขกสีลม)  วัดวิษณุ เทวสถานโบสถ์พราหมณ์  ศาลพระพิฆเนศ(ห้วยขวาง)  ฯลฯ
                                     
                                                                      วัดพระศรีมหาอุมาเทวี(วัดแขก) สีลม
คริสต์โรมันคาทอลิก : อาสนวิหารอัสสัมชัน  วัดแม่พระลูกประคำ(กาลหว่าร์)  วัดซางตาครู้ส  วัดนักบุญฟรังซิสเซเวียร์  วัดคอนเซ็ปชั่นแห่งพระแม่เจ้า  ฯลฯ
                                     
                                                                                 อาสนวิหารอัสสัมชัน
คริสต์โปรแตสแตนท์ : คริสตจักรสดุดี  คริสตจักรใจสมาน  คริสตจักรวัฒนา  คริสตจักรไม้กางเขน  คริสตจักรพระคุณ  ฯลฯ                                                                                                                   
                                                                                       คริสตจักรวัฒนา
อิสลาม : มัสยิดต้นสน  มัสยิดนูรุ้นนะซิฮะห์  กุฎีเจริญพาศน์  มัสยิดดารุ้นมุดตากีน  มัสยิดนูรุลอิสลาม  มัสยิดสวนพลู  มัสยิดบางหลวง  ฯลฯ
                                    
                                                       มัสยิดบางหลวง มัสยิดสามวัฒนธรรม


ศูนย์การค้าและย่านการค้า ที่มีนักท่องเที่ยวนิยมมาซื้อของก็มีอยู่หลายแห่ง คัดมาเฉพาะที่ต่างชาตินิยม เช่น มาบุญครอง(MBK)  สยามสแควร์  สยามเซ็นเตอร์  สยามดิสคัฟเวอรี่  สยามพารากอน เซ็นทรัลเวิลด์ เอเชียทีค  ตลาดนัดจตุจักร  ตลาดนัดรถไฟ(ศรีนครินทร์)  ตลาดนัดรถไฟ(รัชดา)  ถนนเยาวราช เป็นต้น
                               
                                                                                   เซ็นทรัลเวิลด์