วันจันทร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

backpack มากรุงเทพฯ โปรแกรมที่ 1 เยือนวัดพระแก้ว(ตอนย่อยที่2)


backpack จากเวียงจันทน์มากรุงเทพฯ โปรแกรมที่ 1 เยือนวัดพระแก้ว(ตอนย่อยที่2)



              เมื่อชมในส่วนของวัดพระแก้วไป แล้ว ก็เดินเข้าไปประตูด้านข้างของวัดพระแก้วกันต่อเลย(เดินตามนักท่องเที่ยว)  จะไปในส่วนของพระบรมมหาราชวัง   พระบรมมหาราชวังในส่วนที่เข้าชมได้จะประกอบไปด้วย พระที่นั่ง หอ ศาลา และสวน
ในส่วนของพระที่นั่งในพระบรมมหาราชวัง จะมี พระที่นั่งที่สำคัญ ที่สามารถเดินชมได้ตามเส้นทาง ดังนี้

พระที่นั่งอัมรินทร์วินิจฉัย

               ใช้เป็นท้องพระโรงสำหรับเสด็จออกฝ่ายหน้า เสด็จออกว่าราชการ  โดยจะมี หอศาสตราคม พระที่นั่งดุสิตาภิรมย์ อยู่ทางด้านหน้า                                                                                                            


พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท

           ใช้เป็นท้องพระโรง เป็นสถานที่สำหรับออกให้คณะทูตานุฑูตเฝ้ารวมทั้งถวายพระราชสาหส์ตราตั้ง ถวายพระพรชัยมงคล และเป็นที่รับรองพระราชอาคันตุกะ ชั้นล่างเป็นพิพิธภัณฑ์แสดงเครื่องอาวุธโบราณ(ไม่ได้เปิดให้เข้าชม เปิดแค่วันสำคัญบางวันเท่านั้น)  ด้วยความที่มีสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นผสมผสานระหว่างไทยกับยุโรป จึงเป็นจุดสำคัญที่ไม่ควรพลาดชม
                           



พระที่นั่งอาภรณ์ภิโมกข์ปราสาท

                ใช้เป็นที่ประกอบพระราชพิธีโสกันต์(โกนจุก) ด้วยความที่มีสถาปัตยกรรมไทยแท้ จึงไดรับการยกย่องให้เป็นศิลปะแขนงหนึ่งของไทย ที่เรียกกันว่า ศาลาไทย     
                             

เมื่อเดินชมเสร็จแล้วก็ เดินออกมาที่ประตูเดิม     เดินเลียบนอกกำแพงทางด้ายขวามือ เพื่อไปยังศาลหลักเมือง ต่อไป  พอสุดกำแพงข้ามถนนไปไม่กี่ก้าวก็จะถึง

ศาลหลักเมือง(เข้าฟรี)
               สร้างขึ้นมาพร้อมกับการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์เป็นเมืองหลวง ตามคติของการสร้างเมืองในสมัยก่อน ภายในจะมีเสาหลักเมืองอยู่ 2 ต้น เป็นเสาเก่ากับเสาใหม่
ถ้าหากไหว้ศาลหลักเมืองแล้ว แนะนำให้เดินไปทางหลังศาล ไหว้ซุ้มที่ประดิษฐานเทพารักษ์ทั้ง 5 องค์ คือ เจ้าพ่อหอกลอง เจ้าพ่อเจตคุปต์ พระเสื้อเมือง พระทรงเมือง และพระกาฬไชยศรี เพื่อเป็นศิริมงคล
       

                            
                                                         ศาลหลักเมือง(กรุงเทพฯ) 
                             
                                                                                      เทพารักษ์ทั้ง 5 องค์


                    สักการะเสร้จแล้วเดินก็เดินมาทางกำแพงพระบรมมหาราชวังอีกด้านหนึ่ง จะผ่านกระทรวงกลาโหม ตึกสีเหลืองตัดขาวโดดเด่นสะดุดตา แนะนำให้เดินฝั่งนี้จะดีกว่าเพราะมีร่มไม้ เดินสบายๆไปเรื่อยๆ ก็ผ่านสถานที่สวยๆอีกที่ก็คือ พระราชวังสราญรมย์ ตึกสีแดงอมน้ำตาล เลยไปอีกนิดก็จะเป็นสวนสราญรมย์
เดินข้ามถนนมาฝั่งกำแพง ก็จะเห็น สถานที่ต่อไป คือ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร หรือวัดโพธิ์นั่นเอง
เดินตามกำแพงวัดไปเรื่อยๆไม่ไกลมากก็จะเจอทางเข้า(มีประตูเดียวที่เปิด) ค่าเข้าชมสำหรับชาวต่างชาติคนละ 200 บาท


วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร

                เป็นวัดเป็นวัดที่สำคัญอีกวัดหนึ่ง สร้างตั้งแต่สมัยอยุธยา ถือเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของไทย เพราะเป็นแหล่งรวบรวม วิชาความรู้ต่างๆ ทั้งประวัติศาสตร์ วรรณกรรม และการแพทย์ เป็นแหล่งกำเนิดการนวดแพทย์แผนไทย และยังเป็นวัดที่มีพระเจดีย์มากที่สุดในไทย  

ยูเนสโก ได้ขึ้นทะเบียนจารึกวัดโพธิ์จำนวน 1440 ชิ้นเป็น มรดกความทรงจำโลก ในปี 2554
วัดโพธิ์แห่งนี้ เป็นวัดที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวไม่แพ้วัดพระแก้วกันเลยทีเดียว เรามาเริ่มเที่ยวชมกันได้เลย 
           

                              

เมื่อเข้ามาก็จะเจอกับ วิหารพระพุทธไสยาส(พระนอน)หลังคาสีน้ำเงินตามภาพบน แนะนำให้เดินมาที่พระอุโบสถตรงกลางก่อนเพื่อไปไหว้พระประธาน  
                                                                                                   

ในพระอุโบสถวัดโพธิ์ประดิษฐาน พระพุทธเทวประฏิมากร เป็นพระประธาน                                                                         
และสิ่งหนึ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของวัดโพธิ์ คือ มีพระเจดีย์ และซุ้มประตูที่งดงามนั่นเอง ตามมาด้วย เขาฤาษีดัดตน ที่เป็นศาสตร์การบำบัดแผนโบราณ                                                                       
                          
                           
แล้วค่อยเดินกลับมาชม สถานที่ที่มีชื่อเสียงที่สุดของวัด ก็คือ วิหารพระพุทธไสยาส ที่ประดิษฐานพระพุทธไสยาสองค์ใหญ่ โดยที่พระบาทซ้ายขวาประดับมุกภาพมงคล 108 ประการ นิยมขอพรในเรื่อง ร่มเย็นเป็นสุข                                                                                                                                                                                                                                                                                            

              วัดโพธิ์แห่งนี้ มีตำนานอยู่เรื่องหนึ่งนั่นก็คือ ตำนานยักษ์วัดแจ้งกับยักษ์วัดโพธิ์ คือ มียักษ์2ฝากแม่น้ำคือยักษ์วัดแจ้งกับวัดโพธิ์ที่เป็นเพื่อนรักกันมานาน วันหนึ่งยักษ์วัดโพธิ์ไม่มีเงินจึงข้ามแม่น้ำไปยืมยักษ์วัดแจ้ง พอถึงเวลาส่งคืนยักษ์วัดโพธิ์กลับไม่ยอมให้จึงเกิดตีกัน ทำให้บริเวณนั้นราบเตียนไปหมดไม่มีอะไรเหลือ เมื่อพระอิศวร ทราบเรื่องราวจึงสาปให้ยักษ์ทั้งสองเป็นหิน ให้ยักวัดโพธิ์เฝ้าหน้าพระอุโบสถ ส่วนยักษ์วัดแจ้งเฝ้าหน้าพระวิหาร  บริเวณที่ยักษ์ทั้งสองทะเลาะกัน ที่ราบเรียบนั้น คือ ท่าเตียนในปัจจุบัน                                                                                                                                                                                                                                                                              
                                                                                         ยักษ์วัดโพธิ์



.....ต่อหน้าต่อไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น